ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนา สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริการ และอำนวยความสะดวกแก่คณาจารย์ 
นักวิจัย นิสิต นักศึกษา รวมทั้งหน่วยงาน และบุคคลทั่วไปที่มาทำการวิจัย การเรียนการสอน การฝึกงาน การจัดประชุมวิชาการ ตลอดจนการอบรมและสัมมนาต่าง ๆ

ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนามีห้องประชุมรวม ๓ ห้องที่มีขนาดต่างกันสำหรับจัดประชุม อบรม สัมมนา ต่างๆ พร้อมเครื่องปรับอากาศ และอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ที่ทันสมัย (LCD Projector, Visualizer, Overhead Projector, Slide) อินเตอร์เน็ตไร้สาย และ ห้องพักระดับมาตรฐาน จำนวน ๒๐ ห้อง โดยแบ่งเป็น ห้องปรับอากาศ 
๒ คน จำนวน  ๑๐ ห้อง
  ห้องปรับอากาศ ๖ คน จำนวน ๑๐  ห้อง ซึ่งมีเครื่องอำนวยความสะดวก และเครื่องทำน้ำอุ่น

 

 

 ภาพด้านหน้าอาคารฝึกอบรมฯ  ภาพระเบียบด้านหน้าห้องพักบนอาคารศูนย์ฝึกอบรมฯ ทางเดินภายในอาคาร
     
 ห้องประชุมใหญ่ มุมมองจากด้านบน ระเบียงด้านข้างห้องประชุมใหญ่ (จุดชมวิว)  ลานกิจกรรมเอนกประสงค์
     

 

บริเวณด้านหน้าห้องพัก ห้องพักขนาด ๖ คน ห้องพักขนาด ๒ คน
   
 ห้องประชุมขนาดใหญ (ส่ชัง ๑) ความจุ ๘๐ คน ห้องประชุมขนาดกลาง (สีชัง ๒) ความจุ ๕๐ คน   ห้องประชุมขนาดเล็ก (สีชัง๓) ความจุ ๒๐ คน
     

 


ติดต่อ จองห้องพัก ห้องประชุม ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนา

นางพาฝัน เกตุแก้ว
มือถือ 09-6993-1654

อัตราจัดเก็บค่าใช้สถานที่
แบบฟอร์มใช้ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนา  word        pdf เฟจบุ๊ค ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนา
แบบฟอร์มขอใช้เรือจุฬาวิจัย     

 

 

 ติดต่อสถาบัน

สำนักงานใหญ่: กรุงเทพมหานคร

สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 

เลขที่ 254 อาคารสถาบัน 3 ชั้น 9 ถ.พญาไท
แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

โทรศัพท์ +662-218-8160-3
โทรสาร: +662-254-4259
อีเมล์   : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

map :  google mapstreet view, Chula map and Directions

 

 สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง
 149 หมู่ 3 ตำบลท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี 20120    
 
โทรศัพท์: +66-3821-6198 
โทรสาร: +66-3821-6350    
อีเมล์  l: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
แผนที่  : Google Map
 
ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะสีชัง
  • http://www.ko-sichang.com/
  • http://eng.folktravel.com/
  • http://kohsichang.go.th
  • http://www.tatnews.org/ko-si-chang-the-island-of-yesteryear/
 

 

สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง ได้จัดตั้งขึ้นบนที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ มีเนื้อที่ประมาณ ๒๒ ไร่ บริเวณตำบลท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรีมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานีวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและสาขาอื่นที่่เกี่ยวข้องรวมถึงเป็นแหล่งบริการทางวิชาการแก่ชุมชนในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลยังมีภาระรับผิดชอบในงานอนุรักษ์และทำนุบำรุงโบราณสถานอันมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในบริเวณเกาะสีชังอีกด้วย

 

สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิตเกาะสีชังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานวิจัยในโครงการต่างๆ เช่น ห้องปฏิบัติการพร้อมอุปกรณ์สำหรับวาริชกรรมการเพาะเลี้ยงและเรือปฏิบัติการชายฝั่ง “เรือจุฬาวิจัย ๑” ซึ่งมีอุปกรณ์ วิทยุสื่อสาร เครื่องหาตำแหน่งบนพื้นโลก เครื่องหยั่งความลึกน้ำ และเครื่องมือสำรวจสมุทรศาสตร์เบื้องต้น งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลโดยเฉพาะสมุทรศาสตร์ชายฝั่ง คุณภาพน้ำอ่าวไทยตอนบนและงานอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะระบบนิเวศแนวปะการัง สามารถดำเนินงานได้ที่สถานีวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์สัตว์ทะเลและโภชนาการสำหรับสัตว์ทะเลที่เลี้ยง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยด้านประมง โดยเน้นการประมงพื้นบ้านและการเพิ่มผลผลิตการประมงโดยบางส่วนเป็นการบริการวิชาการที่ สืบเนื่องจากการขยายผลจากงานวิจัยของนักวิจัยในสถาบัน

 

 

 

          สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีรากฐานจากการจัดตั้งจากผลการพัฒนาที่ต่อเนื่องมาจากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล และสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง  โดยมีเหตุผลและความเป็นมา ดังรายละเอียดต่อไปนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ได้มีการจัดการประชุม Pacific Science Congress ขึ้นในประเทศไทยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในการประชุมดังกล่าวประเด็นด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลได้ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อสำคัญอย่างหนึ่งในการหารือ แต่อย่างไรก็ตามพบว่าขณะนั้นยังไม่มีการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลในภูมิภาคนี้แต่อย่างใด ต่อมา UNESCO จึงได้กระตุ้นผ่านคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งชาติ ไปยังคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติซึ่งเป็นสมาชิกของ Pacific Science Congress ให้เสนอไปยังรัฐบาลเพื่อให้มีการเปิดสอนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลขึ้นในประเทศไทย โดยเบื้องต้นได้เลือกจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งมีความพร้อมในสาขาที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลในภูมิภาคนี้

          ต่อมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดทำโครงการเสนอไปและได้รับอนุมติให้ดำเนินการจากสภาการศึกษาซึ่งเป็นผู้ดูแลการจัดการศึกษาของประเทศในขณะนั้น ทั้งนี้โดยให้เป็นไปตามหลักการสำคัญกล่าวคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้เน้นการสอนไปทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล การประมง (fishery) ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เน้นการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ (science) ซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกัน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงให้ทั้ง ๒ หน่วยงานสามารถแลกเปลี่ยนบุคลากรในสาขาที่ต้องการแต่ยังไม่มีร่วมกันได้อีกด้วย  แม้ต่อมาทางจุฬาฯ จะมีการเปิดสอนทางด้าน fishery ร่วมด้วย แต่ก็ไม่ซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากจุฬาฯ จะเน้นสอน fishery ที่เป็น commercial แต่ ม.เกษตร จะเน้น fishery ที่เป็น sciencevทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ก่อตั้ง ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยอยู่ในสังกัดคณะวิทยาศาสตร์ และได้เปิดการเรียนการสอนในเวลาต่อมา

   สำหรับในด้านการจัดการเรียนการสอน นอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว ยังมุ่งเน้นให้นิสิตได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ปฏิบัติงานจริงในภาคสนามในทุกขั้นตอน เป็นต้นว่า มีการเช่าเรือนำนิสิตออกภาคสนามเพื่อสำรวจข้อมูลทางสมุทรศาสตร์และนิเวศวิทยาในท้องทะเลและตามเกาะแก่งต่างๆ ทั่วประเทศ รวมตลอดถึงการเข้าร่วมการออกเรือปฏิบัติการในการสำรวจน่านน้ำของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ และการสำรวจแหล่งทรัพยากรประมงของกองประมงทะเล กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น

     นอกจากนี้เมื่อมีนิสิตเข้ามาเรียนมากขึ้นและได้มีการเปิดสอนในระดับบัณฑิตศึกษาร่วมด้วย ทางภาควิชาฯ จึงต้องการมีสถานีวิจัยเพื่อให้เป็นที่สำหรับฝึกปฏิบัติการและทำงานวิจัยของอาจารย์และนิสิตดังกล่าว โดยเบื้องต้นได้เริ่มเปิดดำเนินการที่อ่างศิลาก่อน แต่อย่างไรก็ตามต่อมาพบว่าสถานีวิจัยสัตว์ทะเลอ่างศิลาซึ่งมีพื้นที่ตั้งอยู่ในบริเวณชายทะเลนั้นเหมาะแก่การศึกษาทางด้านชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนเท่านั้น นอกจากนี้พื้นที่ยังค่อนข้างคับแคบและมีปัญหาในด้านอาณาเขตโดยมีประชาชนรุกล้ำเข้ามาบ่อยครั้ง รวมทั้งยังมีปัญหามลพิษจากสะพานปลาบริเวณข้างเคียงอีกด้วย
 
          การก่อตั้ง สถานีวิจัยฯ เกาะสีชัง เป็นผลต่อมาอันเนื่องมาจากทางภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเลยังต้องการพื้นที่อีกสักแห่งหนึ่งในทะเลที่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ  มากนัก โดยเลือกพื้นที่ซึ่งมีน้ำทะเลสะอาดปราศจากมลพิษ และมีบริเวณที่ค่อนข้างเป็นเอกเทศ เพื่อใช้เป็น สถานีทดลองวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล เป็นสำคัญ ทั้งนี้ ดร.ทวีศักดิ์ ปิยะกาญจน์ หัวหน้าภาควิชาฯ ในขณะนั้น และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพล สุดารา ได้ใช้เวลาในช่วงของการนำนิสิตออกฝึกภาคสนามทางทะเล ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๒-๑๕๑๓  ทำการสำรวจและจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม และในครั้งหนึ่งของการฝึกภาคสนามโดยเรือของกองสำรวจแหล่งประมงในน่านน้ำไทย กรมประมง วันสุดท้ายก่อนที่เรือสำรวจจะกลับเข้ากรุงเทพฯ จึงได้มีการแวะที่เกาะสีชัง และในการสำรวจครั้งนั้นได้ไปพบว่าพื้นที่บริเวณปลายแหลมวังมีความเหมาะสมมาก แต่มีปัญหาคือบริเวณดังกล่าวมีหน่วยงานราชการซึ่งเป็นผู้ครอบครองอยู่โดยมีสิ่งปลูกสร้างและบ้านพักของข้าราชการของ ๒ หน่วยงานดังกล่าวอยู่แล้ว คือ สถานกักกันเยาวชน กระทรวงมหาดไทยและบ้านพักข้าราชการของกรมไปรษณีย์โทรเลข
 
     ต่อมาหลังจากการเจรจาในเบื้องต้นกรมไปรษณีย์โทรเลขยินยอมที่จะยกพื้นที่ดังกล่าวให้แต่ทางกระทรวงมหาดไทยได้ขอต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวกับที่ดินของจุฬาฯ ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็คือค่ายดารารัศมีในปัจจุบัน จากนั้นภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล ได้ทำหนังสือถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าว และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปคือ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องเสียพื้นที่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแลกกับพื้นที่เกาะสีชังในบริเวณดังกล่าว และในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อขออนุญาตใช้ที่ดินบริเวณแหลมท่าวัง ตำบลเทววงษ์ (ท่าอัษฎางค์) กิ่งอำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งรวมถึงพื้นที่ซึ่งเป็นบริเวณเขตพระราชวังเดิมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระจุฑาธุชราชฐาน) เนื้อที่รวม ๒๒๔ ไร่ ๒ งาน ๕ ตารางวา โดยกรมธนารักษ์ได้มอบกรรมสิทธิ์การใช้ที่ดินให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑  และต่อมาในปี ๒๕๒๒ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้จัดตั้งโครงการ “สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง (Sichang Marine Science Research and Training Station: SMaRT) ขึ้นโดยเป็นส่วนราชการในสังกัดของฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ที่บริเวณส่วนหน้าของพระจุฑาธุชราชฐาน ตำบลท่าเทววงษ์ กิ่งอำเภอเกาะสีชัง (สถานภาพในขณะนั้น) จังหวัดชลบุรี  โดยมีเหตุผลความจำเป็นในการจัดตั้งสถานีวิจัยฯ ดังกล่าวหลายประการ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการลดลงของปริมาณและคุณภาพทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และการขาดแคลนสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต อันเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาและวิจัยขั้นอุดมศึกษา การเป็นให้สถานที่บริการทางวิชาการและให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนบนเกาะสีชังและบริเวณใกล้เคียง รวมตลอดถึงการอนุรักษ์และทำนุบำรุงโบราณสถานอันมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของชาติในบริเวณเกาะสีชังอีกด้วย
 
   โดยต่อมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากรทางน้ำและบทบาทที่เพิ่มขึ้นทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ จึงได้กำหนดนโยบายการวิจัยทางด้านนี้เพิ่มมากขึ้นและได้กลายเป็นภารกิจหลักของสถานีวิจัยฯ เกาะสีชัง ที่ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนการสอนทั้งระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาของภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล ทั้งนี้การดำเนินงานและการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลในระยะที่ผ่านมาดังกล่าว ได้มีบทบาทสำคัญต่อความก้าวหน้าทางวิชาการด้านทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเล รวมถึงการแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ทรัพยากรสำคัญของประเทศหลายประการ
 
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งมีปัญหาโรคระบาดปลาน้ำจืดขั้นรุนแรง ซึ่งมหาวิทยาลัยได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อศึกษาและวิจัยปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และได้แปรสภาพเป็นคณะกรรมการปฏิบัติภารกิจวิจัยทรัพยากรสิ่งมีชีวิตทางน้ำในเวลาต่อมา
รวมตลอดถึงโครงการความร่วมมือในการศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนนักวิชาการตามบันทึกข้อตกลงที่ทำร่วมกับ University of the Ryukyus และ Sesoko Station ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๔ - ๒๕๒๙ อันเป็นกิจกรรมการวิจัยและสำรวจแนวปะการังครั้งสำคัญอันดับต้นๆ ของเมืองไทย รวมทั้งได้มีส่วนสร้างนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่มีบทบาทสำคัญของประเทศ และมีผลงานวิชาการตีพิมพ์เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับชาติและนานาชาติจำนวนมาก ด้วยบทบาทและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
 
   ในระยะต่อมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงมีโครงการที่จะจัดตั้งสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งขึ้นมา เพื่อประสานงานในการศึกษาและวิจัยด้านทรัพยากรทางน้ำของมหาวิทยาลัย โดยจะอาศัยทรัพยากรทางด้านงบประมาณ บุคลากร อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง ที่มีอยู่แล้วเป็นหลักและในระยะต่อมา “สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ (Aquatic Resources Research Institute: ARRI)”  ได้จัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๔ โดยเบื้องต้นได้ใช้ที่ทำการชั่วคราวซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำก็ได้ย้ายมายังที่ทำการใหม่ในกลุ่มอาคารสถาบันวิจัยตามความต้องการของมหาวิทยาลัย โดยได้บริหารจัดการและดำเนินงานวิจัยตามพันธกิจและแนวนโยบายที่วางไว้มีความก้าวหน้าเรื่อยมาเป็นลำดับ
 
       ปัจจุบัน สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ตั้งอยู่ที่อาคารสถาบัน ๓ ชั้น ๙ ถ.พญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมี สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง เป็นหน่วยปฏิบัติงานวิจัยหลัก ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอในการศึกษาวิจัยของนักวิจัย คณาจารย์ และนิสิตระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมและการบริการวิชาการที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้แก่นิสิตและบุคคลทั่วไป โดยมี ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนา ซึ่งเปิดบริการมาตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๑ สามารถรองรับผู้เข้าร่วมฝึกอบรมและสัมมนาได้จำนวน ๘๐ คน และมี พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติทางทะเลของเกาะสีชัง
 

 

Aquatic Resources Research for ALL

 
 

พันธกิจ

สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำจัดตั้งขึ้นเป็นองค์กรในการพิจารณากำหนดแนวทางการวิจัยด้านทรัพยากรทางน้ำ ประสานงานและเป็นสถานศึกษาค้นคว้าวิจัย บริการวิชาการและพัฒนาในด้านอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำ วาริชกรรมการเพาะเลี้ยง สมุทรศาสตร์ชายฝั่ง เทคโนโลยีชีวภาพทางน้ำ การประมงและวิทยาศาสตร์ทางทะเล เพื่อนำไปสู่การจัดการทรัพยากรทางน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

 

นโยบาย
สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำมีนโยบายในการประสานงานวิจัยกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายใน และภายนอกมหาวิทยาลัย เพื่อขยายผลจากการวิจัยไปสู่การปฏิบัติในด้านการใช้ การจัดการและการเพิ่มผลผลิต ทรัพยากรทางน้ำ สถาบันมีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยและการเรียนการสอน ให้แก่ คณาจารย์และ นักวิจัยสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางน้ำ ให้บริการด้านการสอนการฝึกอบรมแก่นิสิต ในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ทิศทางการวิจัย ของสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำมุ่งเน้นความสมดุลย์ระหว่างงานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ ในด้านการจัดการทรัพยากรทางน้ำทั้งในแง่ของการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและ มีความยั่งยืน การขยายผลจากงานวิจัยเหล่านี้เพื่อใช้เป็นรากฐานให้ประเทศไทยพัฒนาไปสู่สังคมของ ผู้สร้างเทคโนโลยีไว้ใช้เองทางด้านทรัพยากรทางน้ำ

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อเป็นองค์กรในการพิจารณากำหนดแนวทางการวิจัยในด้านทรัพยากรทางน้ำ และเป็นแกนนำในการวิจัยและประสานงานด้านนี้
  2. เพื่อเป็นสถานศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนาในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำ วาริชกรรมการเพาะเลี้ยง สมุทรศาสตร์ชายฝั่ง เทคโนโลยีชีวภาพทางน้ำ และการประมงที่นำไปสู่การจัดการทรัพยากรทางน้ำที่มีประสิทธิภาพ
  3. เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลและสารนิเทศทรัพยากรทางน้ำ
  4. เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติการตรวจเฝ้าระวังมลพิษทางน้ำและสมุทรศาสตร์ชายฝั่ง
  5. เพื่อให้บริการทางวิชาการซึ่งเป็นการขยายผลจากการวิจัยในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำวาริชกรรม การเพาะเลี้ยง  สมุทรศาสตร์ชายฝั่ง เทคโนโลยีชีวภาพทางน้ำ และการประมง
  6. เพื่อเป็นศูนย์ฝึกนิสิตและปฏิบัติงานวิจัยของนิสิตในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ทรัพยากรทางน้ำ
  7. เพื่อให้การสนับสนุนและร่วมมือทางวิชาการเกี่ยวกับทรัพยากรทางน้ำแก่หน่วยงานในกระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ ในภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน

หมวดหมู่รอง

ข่าวกิจกรรม ของสถาบัน